วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

หาเรื่องเขียนบล็อก

ผมบอกไปตอนที่แล้วว่าผมชอบเขียนเรื่องไอที เพราะมันเป็นเรื่องไกล้ตัว เป็นเรื่องที่ผมมีความรู้  มันเป็นอะไรที่ผมถนัดที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆก็มีบ้าง

แต่ถึงจะมีแนวทางที่ถนัดชัดเจนแล้วบ่อยครั้งมันก็ "ตัน" ได้นะ  ตันในที่นี้คือคิดไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไร ถ้าเป็นบล็อกเกอร์สายข่าวอาจจะไม่ยากที่จะหาเรื่องมาเขียน เพราะบล็อกต่างประเทศมีข่าวใหม่ๆ มาอัพเดททุกวัน  แต่ถ้าคุณเป็นบล็อกเกอร์แบบผมคือชอบเขียนเรื่องราวอะไรใหม่ๆ ชอบหาอะไรมารีวิว  แล้วถึงจุดตันแล้วจะทำอย่างไร



1. พัก
บางทีสมองก็ต้องการการพักผ่อนนะ ยิ่งหาบางทียิ่งคิดไม่ออกว่าเขียนอะไร  การพักในที่นี้ไม่ใช่การหยุดไม่ทำอะไรเลยนะ แต่หมายถึงทำอย่างอื่นที่ไม่ได้อยู่หน้าคอม ดูทีวี นอนเล่น ออกนอกบ้าน ฯลฯ

2. อ่านแมกกาซีน
พวกนิตยาสารนี่เต็มไปด้วยอะไรที่น่ารู้เยอะแยะมากมาย เพราะทุกอย่างไม่ได้อยู่บนเน็ต แต่ว่าอยู่ในนิตยาสาร บทความดีๆ เยอะแยะมากมายอยู่ในนั้น อ่านๆไปอาจจะได้ไอเดียขึ้นมา  ...และถ้าถามว่าควรอ่านนิตยาสารอะไร  อันนี้คงแล้วแต่ความสนใจของคุณ เป็นผมผมอ่านไอที

3. ออกนอกประเทศ
ไปหาอ่านหาดูเว็บของต่างประเทศบ้าง บล็อกดีๆก็น่าจะมีอยู่มากมาย ยิ่งหลายประเทศเขาเล่นอินเตอร์เน็ตเยอะกว่าบ้านเรา ถ้าชอบอะไรที่บรรเจิดลองไปหาดูบล็อกของคนญี่ปุ่น และถ้ากลัวว่าจะอ่านไม่รู้เรื่องก็ใช้ Google Translate อาจจะอ่านพอผ่านๆ อ่านพอได้เปิดหูเปิดตา ไม่ต้องจริงจังก็ได้เพราะคนละภาษากัน  Google Translate มันก็ไม่ได้แปลดีเท่าไหร่

4. ต่อยอดจากงานเขียนเก่าๆ
จะงานเขียนตัวเองหรืองานของคนอื่นก็สามารถนำมาต่อยอดได้ ถ้าหากว่าย้อนกลับไปแล้วมองเห็นช่องว่างนั้น เช่น มองเห็นนสิ่งที่แตกต่าง หรืออยากจะนำเสนออะไรเพิ่มเติมจากเรื่องเดิมๆ

5. สร้างความต่อเนื่อง
คุณอาจจะต้องมี "ท่าไม้ตาย" เป็นเนื้อหาที่มีความต่อเนื่องหรือทำให้คนกลับมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่าไม้ตายผมก็มีนะ  แต่ก่อนผมชอบรีวิวเกม แฮปปี้คนเลี้ยงหมู แล้วเขียนไว้เป็นร้อยตอนเลย แล้วก็มีคนตามมาอ่านอย่างต่อเนื่องนะ ตอนนี้กำลังเขียนเรื่องใม่แล้ว เป็นเรื่องของ Google

6. เปรียบเทียบ
ลองหาดูว่ามีบล็อกไหนที่คล้ายๆของคุณ ดูที่เขาบล็อกเขาว่ามีอะไรต่าง มีอะไรที่ดีกว่า เมือเกิดการเปรียบเทียบอาจจะทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์งานเขียน

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

เขียนอย่างไร ให้น่าอ่าน

เขียนอย่างไรให้น่าอ่าน ? ส่วนตัวคิดว่า "น่าอ่านหรือไม่" อยู่ที่ว่าเรื่องที่เราเขียน "มันน่ารู้หรือไม่" สิ่งที่เขียนมันมีอะไรที่คนเขาอยากรู้อยากติดตาม

อย่างแรกผมว่าต้องรู้ก่อนว่าตัวเองถนัดอะไร ถนัดที่จะเขียนแบบไหนแล้วมันรู้สึกสบาย เวลาเขียนบล็อกอย่าไปคิดว่ามันคือการเขียนรายงานส่งอาจารย์  ถ้าคิดแบบนั้นจะรู้สึกเกร็ง เอาให้มันธรรมชาติที่สุด ซึ่งธรรมชาติของแต่ละคนจะต่างกัน ธรรมชาติการเขียนมันจะเป็น "สไตล์" ของคุณเอง



การหาสไตล์การเขียน ก็ให้เขียนแต่เรื่องที่ถนัดก่อน เช่น ชอบไอที ก็เอาเรื่องไอทีมาเล่า เกี่ยวกับเว็บไอทีในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการแปลข่าวกับรีวิวแอพและอุปกรณ์ไอทีต่างๆ

การจะเขียนเล่าเรื่องๆหนึ่งขึ้นมาได้คุณต้องรู้หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งนั้นก่อน ฉะนั้นความรู้ก็ต้องมีมาสมควร แม้ว่าจะเป็นการแปลข่าวก็ตาม ต่อให้เก่งอังกฤษแค่ไหน ถ้าไม่มีความรู้เรื่องนั้นการแปลมันก็เพี้ยนได้ เหมือนหุ่นยนต์แปลภาษา เช่น เรื่องไอที มันจะมีศัพท์เฉพาะมากมาย มันมีหลายๆอย่างที่ต้องรู้เรื่องก่อนก่อนที่จะเล่าได้

สรุปเลยนะว่าคุณจะเขียนได้น่าอ่านได้หรือไม่ ความรู้และประสบการณ์ต้องมีมาก่อน ไม่ว่าจะเขียนเรื่องอะไรถ้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นมากๆ มันจะลำบาก  ดังนั้น ควรจะอ่านเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆมาก่อนเยอะๆครับ  แล้วงานที่เขียนมันจะมีคุณภาพอยู่ในตัวของมันเอง ทำให้คนอ่านเกิดความเชื่อใจว่าคุณน่ะรู้จริงเกี่ยวกับด้านนี้  ความที่เขาคิดว่าคุณรู้จริงนั่นแหล่ะ จะทำให้งานเขียนมันน่าอ่าน

แนะนำเริ่มเขียน
- อ่านเกี่ยวกับสิ่งที่จะเขียนให้มากๆมาก่อน
- เรื่องที่จะเขียนควรเป็นเรื่องที่คุณคิดว่าถนัดมากที่สุด
- การเขียนคือการสร้างความน่าเชื่อถือว่าคุณรู้เรื่องนั้นจริงๆ
-  หัดเขียนอะไรที่มันยาวๆบ้าง เขียนบ่อยๆ แล้วสไตล์การเขียนเราจะค้นพบได้เอง
-  เขียนแค่เรื่องเดียวมันจะไม่น่าอ่าน งานเขียนที่มีความต่อเนื่อง มันจะมีความน่าอ่านอยู่ในตัว
-  ระลึกเสมอว่าเขียนให้คนอ่าน  ไม่ใช่เขียนให้ Google ค้นหา

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

ไม่ต้อง SEO

สำหรับบล็อกเกอร์มือใหม่ SEO เป็นอะไรที่สำคัญมากที่จะทำให้คนเข้ามาอ่านบล็อก  แต่มันจะไม่จำเป็นเลยถ้าคิดว่า "เนื้อหาบล็อกเราดีอยู่แล้ว"

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หรือการทำให้เนื้อหาในบล็อกนั้นง่ายต่อการค้นหาจากระบบค้นหา เช่น Google เพราะว่าเวลาที่คนอยากจะรู้อะไรเขาก็ค้นหากันจากใน Google ก่อนเป็นอันดับแรก  ดังนั้น การทำ SEO ก็คือการทำให้คนค้นหาเราเจอจากใน Google (หรือระบบค้นหาจากเว็บอื่นๆ)



เทคนิคการทำ SEO แบบง่ายๆ ก็คือการใส่คำสำคัญๆไว้ในสองบรรทัดแรกของบล็อกและตั้งชื่อเรื่องที่มันเข้าใจง่ายและสืบค้นง่าย  ลองค้น Google ดูก็ได้ครับ สังเกตว่าข้อความที่อยู่บนหน้า Google มันเป็นประโยคสั้นๆเอง

แต่ก่อนผมกังวลมากเรื่อง SEO ว่าทำแบบไหนคนจะมาอ่านเยอะๆ พอเขียนบล็อกและผ่านมาจุดหนึ่ง การทำเนื้อหาให้มีคุณภาพและน่าติดตามสำคัญกว่าการทำ SEO เพราะถ้าเขียนดีแล้วคนจะ "อยากติดตาม" เอง ไม่ใช่แค่แวะมาแล้วผ่านไป

และที่เขียนเล่ามานี้ สำหรับบล็อกเกอร์มือใหม่ คุณหัดทำเนื้อหาให้น่าอ่า น่าติดตาม และมีคุณภาพให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ผ่านไปได้สักระยะหนึ่งแล้วค่อยศึกษา SEO เพื่อความความแกร่งให้กับบล็อก

สำหรับผมนะบล็อกที่ดีต้องไม่ SEO มากไป สำคัญคือเขียนให้น่าอ่านหรืออ่านแล้วมันรู้เรื่อง บางคนนะกลัวคนจะค้นหาบล็อกตัวเองไม่เจอ เขียนซ้ำไปวนมา แล้วในที่สุดมันก็ไม่น่าอ่าน ไม่สมกับเป็นการเขียนเพื่อการสื่อสารกับมนุษย์ แต่เหมือนเขียนหาตังค์ เขียนแบบว่ากลัวคนไม่คลิกเข้ามา

ขอกล่าวแบบสรุปๆ การทำ SEO มันคือตัวช่วยให้คนเข้ามาอ่านบล็อกมากขึ้น  แต่คนที่เข้ามาครั้งแรกเขาจะกลับมาครั้งที่สองหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับ "คุณภาพ" ของเนื้อหาที่เขียน

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

จุดเริ่มของบล็อกเกอร์

สำหรับผม บล็อกเกอร์คือคนที่ถ่ายทอดความรู้หรือความคิดเห็นออกมาในรูปแบบที่ทำให้คนอ่านได้บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบล็อกหรือเว็บไซท์ สำคัญคือสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาต้องเป็นสิ่งสร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่ไปก็อปใครมาโพส เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจะเรียกว่า "ก็อปเปอร์" ไม่ใช่บล็อกเกอร์

เป็นบล็อกเกอร์เพื่ออะไร

มันก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคนนะ สำหรับผมนั้นเริ่มมาจากการเข้าไปหาข้อมูลในเว็บบอร์ดต่างๆ แล้วรู้สึกว่ามันกระจัดกระจาย ค้นหาข้อมูลได้ยาก ส่วนตัวเองก็เป็นคนชอบโพสและตอบคำถามในเว็บบอร์ด แต่สิ่งที่พบเห็นก็คือคนที่อ่านคอมเม้นส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของกระทูและคนที่สนใจเข้ามาอ่าน ส่วนคนที่ไม่เห็นเขาก็โพสใหม่ถามใหม่  เหมือนกับว่าการตอบคำถามกระทู้ไปมันเหมือนตอบสนองแค่คนเพียงกลุ่มน้อย แต่ผมอยากจะทำให้มีประโยชน์มากกว่านั้น ก็เลยนำความรู้และประเด็นปัญหาที่พบเจอมาเขียนเล่าเป็น "บล็อก"



ได้อะไรจากการเป็นบล็อกเกอร์

ตอนเป็นบล็อกเกอร์ใหม่ๆ เรื่องเงินไม่เคยคิด การวางเป้าหมายของการเขียนไม่ได้อยู่ที่เงิน  สิ่งที่ได้คือเทคนิคการเขียน ยิ่งเขียนก็ยิ่งเก่ง ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนเขียนภาษาได้มีความสระสรวยอะไร แต่เขียนไปบ่อยๆก็จะจับทางได้ว่าตัวเองถนัดเขียนแบบไหน ผมไม่ได้เป็นคนเขียนสนุก เขียนตลก เขียนให้มันบันเทิงไม่ค่อยเป็น งานที่ผมเขียนส่วนใหญ่เป็นกึ่งวิชาการ  แต่มันไม่ใช่วิชาการหนักๆ ไม่ได้เจาะลึกอะไรมากมาย แต่เขียนในฐานะคนที่เคยใช้มันมาก่อน ...นี่คือสิ่งที่ผมได้

รายได้

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทำบล็อกได้ 3-4 เดือน แล้วได้ตังค์มาใช้เลย ถ้าอยากเป็นบล็อกเกอร์แบบมีรายได้จริงจังเป็นอาชีพได้ อาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น 1-2 ปี หรือมากกว่านั้นแล้วแต่ความขยัน

แนะนำจริงๆ ถ้าเรื่องเงินมาก่อนสิ่งที่อยากทำ เป็นไปได้ยากที่คุณจะเป็นบล็อกเกอร์ไปได้นานๆ มันอาจจะทำให้ถอดใจและถอนตัวไปในที่สุด

ถ้าจะเป็นบล็อกเกอร์แบบนานๆ ผมว่าค่อยๆทำไป ทำในเวลาว่าง เขียนไปเรื่อยๆ เขียนไปด้วยความสบายใจ แล้วเรื่องรายได้เอาไว้เป็นผลพลอยได้ที่ตามมาทีหลัง